แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ หมา แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ หมา แสดงบทความทั้งหมด
วันอังคารที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2555
พาราเซตามอล ยาอันตรายสำหรับน้องหมากะน้องแมว
พาราเซตามอลเป็นยาบรรเทาอาการปวดและลดไข้ที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยสำหรับมนุษย์ แต่เป็นพิษร้ายแรงสำหรับสุนัขและแมว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับแมว ขนาดยาที่เป็นพิษสำหรับสุนัข คือ 165 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัวหนึ่งกิโลกรัม สำหรับแมวอยู่ที่ 55 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัวหนึ่งกิโลกรัม ยาเม็ดพาราเซตามอลขนาดปกติ 325 มิลลิกรัม สามารถฆ่าแมวได้เลยนะ
วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2555
พิทบูล คัน ขนร่วง ผิวหนังอักเสบ ฉีด Ivermectin ทำไมไม่หาย ?
เพราะโรคผิวหนังพิทบูล ที่มี อาการ คัน ขนร่วง ผิวหนังอักเสบ ที่พบบ่อยๆ เรียงตามลำดับ ได้แก่

แบ่งได้ 3แบบใหญ่ๆตามความลึกของการติดเชื้อ
1.1) ติดเชื้อที่ผิวหนังชั้นนอก : พบได้บ่อยบริเวณ รอยพับย่นตามร่างกาย เช่น ปาก หน้า ข้างอวัยวะเพศเมีย ร่องโคนหางบูลดอก เป็นต้น
1.2) ติดเชื้อที่ผิวหนังชั้นกลาง : รวมทั้งขุมขนโดยจะพบตุ่มหนองบริเวณที่ติดเชื้อ ( พันธ์ขนสั้น เช่น บอกเซอร์ พิทบูล บูลดอก โดเบอร์แมน มักเป็นโรคนี้ง่าย และรักษายาก )
1.3) ติดเชื้อที่ผิวหนังชั้นลึก : รักษายากและไม่หายขาด และมักพบว่ามีการติดเชื้อร่วมกับเชื้ออื่นๆ เช่นเชื้อรา หรือ ขี้เรื้อนเปียก
3) โรคผิวหนังที่เกิดจากยีสต์มาลาสซีเซีย ปรกติแล้วเชื้อยีสต์สามารถพบได้ตามผิวหนังทั่วไป เช่น ช่องหูส่วนนอก ทวารหนัก ช่องคลอด แต่ถ้าเมื่อผิวหนังมีสภาพเปลี่ยนไป เช่นมีการอักเสบ มีความชื้น หรือไขมันสะสมอยู่มาก เชื้อยีสต์จะเพิ่มจำนวนและก่อโรคได้
4) โรคผิวหนังที่เกิดจากไรขี้เรื้อนขุมขน หรือขี้เรื้อนเปียก อาจพบไรเหล่านี้ในขุมขนโดยสัตว์ไม่แสดงอาการใดๆ เลย ส่วนอาการที่พบได้มักพบขนร่วงเป็นหย่อมบริเวณ แก้ม ริมฝีปาก ขอบตา ขาหน้า และถ้าหากมีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วยจะพบเป็นตุ่มหนองแฉะกลิ่นตัวแรง รักษาค่อนยาก ( พันธ์สุนัขที่พบว่าเกี่ยวข้องกับโรคนี้ โดยเป็นโรคง่ายเนื่องจากมีภูมิต้านทานเกี่ยวกับโรคนี้ต่ำ ได้แก่ อัลเซเชียน บูลเทอร์เรีย อิงลิชบูลดอก ดัลเมเชียน สะแตฟฟอร์ดไชร์เทอร์เรีย พิทบูล )
5) โรคผิวหนังที่เกิดจากไรขี้เรื้อนแห้ง ติดต่อง่ายมากโดยการสัมผัส สัตว์จะแสดงอาการคันรุนแรง และขนร่วง และผิวหนังเป็นสะเก็ดแห้ง ลุกลามเร็วมาก แต่สามารถรักษาให้หายขาดได้ง่าย
6) โรคผิวหนังที่เกิดจากการแพ้ เนื่องจากสูดหายใจเข้าไป(สารกระตุ้นที่ทำให้เกิดการแพ้ Allergen ) แพ้อาหาร (สารจำพวก Glycoprotein) เนื่องจากการสัมผัส ( สารที่ทำให้เกิดการแพ้ เช่น พืชบางชนิด หนังสัตว์ สารเคมี) แพ้น้ำลายหมัด ( โปรตีนจากน้ำลายหมัดResilin)
7) โรคผิวหนังที่เกิดจากการขาดฮอร์โมน Hypothyroid นอกจากสัตว์จะแสดงอาการที่ขนและผิวหนังแล้ว ยังแสดงอาการอีกหลายแบบ เช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรง เหนื่อยง่าย อ้วนทั้งที่กินอาหารปรกติ
________________________________________________________________________________
จะเห็นได้ว่าโรคผิวหนังที่เกิดกับพิทบูลของเรานั้น มาจากหลายๆ สาเหตุ ไม่ได้มาจากขี้เรื้อนอย่างเดียว และอาการทางผิวหนังนั้นคล้ายคลึงกันมาก คือ คัน ขนร่วง และผิวหนังอักเสบ เพื่อให้ทราบถึงสาเหตุที่แท้จริงควรพาพิทบูลของเราไปพบสัตวแพทย์ใกล้บ้าน
1) ในเบื้องต้นสัตวแพทย์ จะทำการซักประวัติ เพื่อให้ทราบถึงการดำเนินไปของโรค และหาสาเหตุเบื้องต้นที่น่าจะเกี่ยวข้อง เช่น อายุ เพศ เคยทำหมันหรือไม่ เริ่มอาการเมื่อได คันมากน้อยแค่ไหน หรือ มีการเลี้ยงสัตว์อื่นร่วมกันหรือไม่เป็นต้น
2) หลังจากนั้นสัตวแพทย์ จะทำการตรวจร่างกายสัตว์ และทำการวินิจฉัยโรคเบื้องต้นให้เราทราบว่าพิทบูลของเรานั้นน่าจะเป็นโรคผิวหนัง เนื่องจากสาเหตุใด ( บางโรค ประวัติ และอาการป่วยที่ชัดเจนก็เพียงพอที่จะวินิจฉัยโรคได้ ) แต่ถ้าอาการไม่ชัดเจนสัตวแพทย์อาจจะทำการตรวจในระดับห้องปฏิบัติการต่อไป เช่น ขูดผิวหนังเพื่อตรวจหาไรขี้เรื้อน ส่งตัวอย่างเพื่อเพาะเชื้อ ย้อมสีเพื่อดูเชื้อที่ผิวหนัง และ อื่นๆอีก
3) สัตวแพทย์จะวางแผนการรักษา ให้คำแนะนำ และพยากรณ์โรคให้เรา เช่น จะรักษายังไง ต้องอาบน้ำด้วยแชมพูยาไหม ให้ยาอะไรบ้าง ยาแต่ละตัวใช้เพื่ออะไร จะหาย-ไม่หาย หรือแค่พยุงอาการ ใช้เวลารักษานานเท่าใด
คำแนะนำเหล่านี้เราควรจะได้รับความชัดเจนจากสัตวแพทย์ของเรานะครับ…..
เวชภัณฑ์ที่มักใช้ในการรักษาโรคผิวหนัง ได้แก่
Ivermectin , Amitraz, ยารักษาเชื้อรา , ยารักษาการติดเชื้อแบคทีเรีย, ยาลดอาการคัน, ยากระตุ้นภูมิคุ้มกัน,ยากดภูมิคุ้มกัน, แชมพูโรคผิวหนัง หรือสารเสริมอาหารอื่นๆ ที่เหมาะสม
บทความโดย
ป้ายกำกับ:
ขนร่วง,
คัน,
เป็นเรื้อน,
ผิวหนังอักเสบ,
พิทบูล,
รักษา,
สุนัข,
หมา
วันศุกร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2555
วิธีการป้อนยา หมา-แมว แบบง่ายๆ
วิธีการป้อนยา หมา-แมว แบบง่ายๆ
เพื่อให้หมา-แมวที่ป่วยได้รับยาครบตามความต้องการ ในการรักษาโรคต่างๆ

(แมว-สุนัข) : มือซ้ายจับโอบหัวแมวให้เต็มอุ้งมือ นิ้วโป้งกดที่มุมปาก นิ้วชี้-นิ้วกลาง-นิ้วนาง กดที่มุมปากอีกข้าง
(แมว-สุนัข) : มือขวาอีกข้าง นิ้วโป้งกับนิ้วชี้จับเม็ดยา

(แมว-สุนัข) : นิ้วกลางใช้ง้างขากรรไกรล่างลงมาเพื่อให้สัตว์อ้าปาก

(แมว-สุนัข) : เมื่อสัตว์อ้าปาก ใช้นิ้วโป้งดันเนื้อกระพุ้งแก้มเข้าไปค้ำปากไว้ ไม่ให้งับปากลงหรือ ป้องกันไม่ให้กัดมือคนป้อนยา
(แมว) : จับแหงนหน้าขึ้น 90 องศา โดยใช้สันมือซ้ายที่จับหัวแมว น้ำหนักกดถ่ายลงท้ายทอย-ต้นคอ-สันหลัง-ข้อศอก เพื่อบังคับไม่ให้แมวลุก หรือเคลื่อนไหว
(ถ้าจับเฉยๆโดยที่ไม่ลงน้ำหนักในการกดแมวจะขัดขืนโดยการจะกระโจน หรือพุ่งตัวไปข้างหน้า )
เพื่อให้หมา-แมวที่ป่วยได้รับยาครบตามความต้องการ ในการรักษาโรคต่างๆ

(แมว-สุนัข) : มือซ้ายจับโอบหัวแมวให้เต็มอุ้งมือ นิ้วโป้งกดที่มุมปาก นิ้วชี้-นิ้วกลาง-นิ้วนาง กดที่มุมปากอีกข้าง
(แมว) : นิ้วก้อยโอบ ล็อคท้ายทอยให้แน่น
(แมว-สุนัข) : มือขวาอีกข้าง นิ้วโป้งกับนิ้วชี้จับเม็ดยา

(แมว-สุนัข) : นิ้วกลางใช้ง้างขากรรไกรล่างลงมาเพื่อให้สัตว์อ้าปาก

(แมว-สุนัข) : เมื่อสัตว์อ้าปาก ใช้นิ้วโป้งดันเนื้อกระพุ้งแก้มเข้าไปค้ำปากไว้ ไม่ให้งับปากลงหรือ ป้องกันไม่ให้กัดมือคนป้อนยา
(แมว) : จับแหงนหน้าขึ้น 90 องศา โดยใช้สันมือซ้ายที่จับหัวแมว น้ำหนักกดถ่ายลงท้ายทอย-ต้นคอ-สันหลัง-ข้อศอก เพื่อบังคับไม่ให้แมวลุก หรือเคลื่อนไหว
(ถ้าจับเฉยๆโดยที่ไม่ลงน้ำหนักในการกดแมวจะขัดขืนโดยการจะกระโจน หรือพุ่งตัวไปข้างหน้า )
(แมว) : จะมองเห็นโคนลิ้นเป็นหลุมลึก ทำการหย่อนเม็ดยาลงไป เสร็จแล้วลูบคอเบาๆให้แมวกลืนเม็ดยา
(สุนัข) : ใช้นิ้วโป้งกดเม็ดยาลงที่โคนลิ้นเสร็จแล้วลูบคอเบาๆให้สุนัขกลืนเม็ดยาลงไป
หรือถ้าหากจะใช้อุปกรณ์การป้อนเม็ดยาก็ทำได้เช่นเดียวกัน.
โดยการปล่อยยาเม็ดที่โคนลิ้นเหมือนกันการป้อนด้วยมือ
(สุนัข-แมว) : จับให้แหงนหน้าเล็กน้อย 30-45 องศา แล้วใช้หลอดดูดยา ปล่อยยาเข้าที่ช่องฟันด้านข้างกระพุ้งแก้ม ให้สัตว์ค่อยๆ กลืนลงไป
ข้อควรระวัง : .
• ในการป้อนยาที่เป็นน้ำ ห้ามบีบยาเร็วและแรงเกินไป เข้าไปที่โคนลิ้นโดยตรงเพราะสัตว์อาจสำลักยาเข้หลอดลมได้.
• สำหรับแมวป่วยควรตัดเล็บเสียก่อนเพื่อป้องกันอันตรายจากการข่วน
• หากสัตว์ไม่ยอมให้ความร่วมมือ และก้าวร้าว ดุร้ายเกินไป ควรปรึกษาสัตวแพทย์
บทความโดย
วันพุธที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2555
เอ….หมาเรามันคิดอะไรอยู่น๊า…..
เราจะเข้าใจความรู้สึกของสุนัขพิทบูลของเราได้ดีมากขึ้น ถ้าเราสังเกตภาษาท่าทางของสุนัข เช่น ดูหาง หู และ แววตา ที่มันแสดงออกมาดังนี้ครับ
วันอาทิตย์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2555
เรื่อง หมา...หอบบบบบ !!!!!
คุณรู้หรือเปล่า
* สุนัขไม่ได้มีต่อมเหงื่อตามผิวหนังเหมือนกับคนเรา ( แต่มีเพียงเล็กน้อยที่บริเวณอุ้งเท้าเท่านั้น ) ดังนั้นมันจึงต้องลดอุณหภูมิของร่างกาย โดยการรับอากาศที่เย็นกว่าผ่านเข้าไปทางลิ้นโดยการหอบแลบลิ้นยาวววว และเส้นเลือดที่บริเวณลิ้นจะขยายตัว ความร้อนในร่างกายจะถูกระบายออกมาแลกเปลี่ยนกับอากาศเย็นภายนอก ทำให้เวลาสุนัขหอบเราจะเห็นลิ้นเป็นสีชมพูแดง และไอน้ำที่ร้อนจะระเหยออกมาด้านนอกด้วยทำให้อุณภูมิร่างกายลดลงเร็วขึ้น……
* การหอบหายใจเวลาสุนัขเครียด กลัว หรือเจ็บปวด นั้นจะต่างจากการหอบหายใจเพื่อระบายความร้อนนะครับ เพราะว่ามันจะหายใจถี่กว่า และ ลิ้นไม่ยื่นยาวมาก
**** เพื่อนๆ ผู้เลี้ยงพิทบูล อาจจะพบปัญหานี้บ่อยลองสังเกตดูนะครับ อย่าปล่อยให้หอบนาน ไม่เช่นนั้นอาจนำไปสู่ภาวะ Heat stroke ได้ ครับ *******
บทความโดย
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)