วันเสาร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2555

รู้ได้อย่างไรว่าสัตว์เลี้ยงอ้วนหรือผอมเกินไปหรือไม่


ในปัจจุบันเจ้าของได้ตระหนักถึงสุขภาพของสัตว์เลี้ยงมากขึ้น เพราะพบว่าในสุนัขนั้นมีปัญหาเรื่องอ้วนถึง 80 เปอร์เซ็นต์  ซึ่งจะเป็นปัจจัยเสี่ยงในการเป็นโรคต่างๆตามมา เช่นกรณีสุนัขมีน้ำหนักเกินมักมีปัญหาเกี่ยวกับไขข้อกระดูกเป็นส่วนใหญ่  ทำให้สุนัขไม่อยากเคลื่อนไหว  แต่ในกรณีที่สัตว์ผอมเกินไปมักมาจากการเป็นโรคหรืออาการเจ็บป่วยที่ส่งผลให้ผอมได้  ซึ่งกรณีนี้สามารถแก้ไขได้โดยการรีบพบสัตว์แพทย์ หาสาเหตุของโรคและทำการรักษาพร้อมกับการให้วิตามินบำรุง ดังนั้นหมอดาว จึงมีคำแนะนำง่ายๆ โดยการสังเกตุและสัมผัสรูปร่างคือการ มองจาก 2 มุมคือ ด้านบนกับด้านข้างโดยแบ่งเป็นระดับ 1-5 ได้ดังนี้

1. ผอมขาดอาหาร (Lean) กระดูกซี่โครง กระดูกสันหลัง กระดูกเชิงกรานและกระดูกต่าง ๆ สามารถมองเห็นได้โดยง่ายแต่ไกล เหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ไม่มีไขมันใต้ผิวหนัง กล้ามเนื้อลีบอย่างเห็นได้ชัด

2. ผอม (Thin) สามารถคลำพบกระดูกซี่โครงได้โดยง่าย โดยมีไขมันใต้ผิวหนังเล็กน้อย เอวคอด เมื่อมองจากด้านบน และเมือมองด้านข้างลำตัวจะพบว่าท้องแฟ่บอย่างเห็นได้ชัด

3. หุ่นดี (Ideal) สามารถคลำกระดูกซี่โครงได้แต่มองไม่เห็น มีเอวเมื่อมองจากด้านบน และท้องแฟ่บเล็กน้อยเมื่อมองจากด้านข้าง

4. น้ำหนักเกิน (Overweight) สามารถคลำกระดูกซี่โครงได้โดยมีไขมันส่วนเกินปกคลุมหลัง ทำให้หลังแบนเป็นกระดาน เอวหาย มองเห็นเป็นทรงกลม ตั้งแต่หัวไหล่ เอว สะโพก ท้องเริ่มย้อยเมื่อมองจากด้านข้าง

5. อ้วนพี (Obese) มองไม่เห็นชายโครง คลำก็ไม่พบ มีก้อนไขมันปกคลุมมากมาย ทำให้หลังโป่งนูนขึ้นมา เมื่อมองจากด้านบนลงมาเหมือนตุ่มน้ำ คือ หัวไหล่เล็กค่อย ๆ เริ่มใหญ่มาที่เอวและสะโพก ท้องย้อย ลงพุงอย่างเห็นได้ชัด 

แต่ยังมีอีกวิธีหนึ่งที่ใช้ในการประเมินสรีระของสัตว์เลี้ยงแบบเชิงวิชาการเรียกว่า     
Body Condition Score(BCS) เป็นวิธีการประเมินและให้คะแนนจากจุดตรวจภาวะรูปร่างของร่างกาย  จำนวน 4 จุด คือ ซี่โครง  หัวไหล่  หลัง  สะโพก  เอาคะแนนที่ได้มารวมกัน แล้วหารด้วย 4 นำผลลัพธ์ที่ได้มาตัดสินภาวะรูปร่าง โดยจะได้ออกมาเป็นคะแนน 1-5 คะแนน ซึ่งสามารถแบ่งภาวะรูปร่างของสุนัขได้ดังนี้




ได้ 1 คะแนน =  ขาดอาหาร
ได้ 2 คะแนน = ผอม
ได้ 3 คะแนน = หุ่นดี ไม่อ้วนไม่ผอม
ได้ 4 คะแนน = น้ำหนักเกิน
ได้ 5 คะแนน = โรคอ้วน







สำหรับเกณฑ์การให้คะแนนในแต่ละจุดตรวจนั้น ประกอบด้วย

จุดตรวจที่ 1 ซี่โครง
ก. คล่ำซี่โครงไม่เจอ ต้องขุดหาถึงจะพบได้ ได้ 5 แต้ม
ข. มองซี่โครงไม่เห็น แต่สามารถคลำพบได้โดยง่าย ได้ 3 แต้ม
ค. มองเห็นด้วยตาเปล่า โดยไม่ต้องคลำ ได้ 1 แต้ม

จุดตรวจที่ 2 หัวไหล่
ก. มีก้อนไขมันหนาปกคลุมหัวไหล่ ได้ 5 แต้ม
ข. หัวไหล่กลมมน ได้ 3 แต้ม
ค. มองเห็นกระดูกหัวไหล่ได้อย่างชัดเจน โดยไม่มีไขมันปกคุลมเลย ได้ 1 แต้ม

จุดตรวจที่ 3 หลัง
ก. มองไม่เห็นกระดูกสันหลังด้วยตาเปล่า ต้องขุดหาจึงจะพบได้ ได้ 5 แต้ม
ข. มองกระดูกสันหลังไม่เห็น แต่สามารถคลำพบได้โดยง่าย ได้ 3 แต้ม
ค. มองเห็นด้วยตาเปล่า โดยไม่ต้องคลำ ได้ 1 แต้ม

จุดตรวจที่ 4 สะโพก
ก. มีไขมันหนาปกคลุมกระดูกเชิงกรานจนมองไม่เห็นกระดูกเลย ได้ 5 แต้ม
ข. ไขมันและกล้ามเนื้อปกคลุมเชิงกรานบาง ๆ ซึ่งสามารถคลำพบกระดูกเชิงกรานได้ ได้ 3 แต้ม
ค. มองเห็นกระดูกเชิงกรานได้อย่างชัดเจน ได้ 1 แต้ม

จากบทความข้างต้นเจ้าของสามารถปประเมินสัตว์เลี้ยงของตัวเองเบื้องต้นได้แล้ว ดังนั้นหมอดาวจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านเจ้าของจะใส่ใจกับการประเมินเป็นระยะๆ  เพื่อสุขภาพที่ดีของสัตว์เลี้ยงนะคะ 
               
บทความโดย
หมอดาว   :   สพ.ญ.ภัสส์ณศา เขาท่าเพชร
  www.clinicraksad.com



2 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

น่าสนใจเอาไปตรวจวัดน้องหมาที่บ้านแล้ว สงสัยเลี้ยงดีเกินไป ชักอ้วนเหมือนเจ้าของแล้ว อย่างนี้จะพาหมาออกกำลังกายหรือให้อดอาหารดีครับ คุณหมอ

หมอดาว กล่าวว่า...

ประเมินอยู่ระดับ๔ ก็ควรพาน้องสุนัขออกกำลังกายแต่ถ้า เป็นระดับ ๕ ก็ให้ออกกำลังกายพร้อมกับควบคุมอาหารคะ หวังว่าทั้งเจ้าของและสุนัขจะหุ่นดีทั้งคู่นะคะ